“โปรจีน” ประวัติศาสตร์กับการเรียนรู้
เมื่อเทียบกับฤดูกาลแรกกับคว้าแชมป์ 2 รายการ ก่อนก้าวขึ้นไปเป็นมือ 1 โลกในระยะเวลาสั้นๆ ปิดท้ายด้วยการคว้ารางวัล Rookie of the Year แล้ว ถือว่าปีที่ 2 ในการเล่น LPGA Tour ของ “โปรจีน” อาฒยา ฐิติกุล อาจจะไม่หวือหวาเท่า
กระนั้น เมื่อพิจารณาผลงานโดยภาพรวมของโปรจีนใน LPGA ฤดูกาล 2023 ที่เพิ่งจบไป ก็ต้องถือว่าเป็นอีกก้าวของความสำเร็จที่น่าจดจำ
เพราะนับเป็นปีที่ 2 ติดต่อกันที่โปรจีนปิดฤดูกาลในฐานะนักกอล์ฟซึ่งทำสถิติจบท็อป 10 มากที่สุดของทัวร์ โดยปีนี้จบท็อป 10 รวม 13 รายการ จากที่เข้าแข่งขัน 21 รายการ ดีกว่าอันดับ 2 ร่วม 3 คน ถึง 4 รายการ
แต่ผลงานโดดเด่นที่สุดในรอบปีต้องยกให้การคว้ารางวัล Vare Trophy สำหรับนักกอล์ฟที่ทำสกอร์เฉลี่ยต่ำสุดของทัวร์ นับเป็นนักกอล์ฟไทยคนที่ 2 ในประวัติศาสตร์ที่คว้ารางวัลดังกล่าว ต่อจาก “โปรเม” เอรียา จุฑานุกาล ซึ่งทำได้ในปี 2018
โปรจีนทำสกอร์เฉลี่ยในปี 2023 ที่ 69.533 เป็นสถิติสกอร์เฉลี่ยต่ำสุดอันดับ 13 ตลอดกาลของผู้คว้ารางวัล Vare Trophy เท่ากับที่สเตซี่ ลูอิส อดีตมือ 1 โลกชาวอเมริกัน เคยทำไว้เมื่อปี 2014
นอกจากนี้ โปรจีนยังเป็นนักกอล์ฟคนแรกในประวัติศาสตร์ 70 ปีของการแจกรางวัล Vare Trophy ซึ่งครองรางวัลนี้แม้ว่าจะไม่ได้แชมป์แม้แต่รายการเดียวในรอบปีที่ผ่านมาก็ตาม!
เบื้องหลังความสำเร็จชนิดเป็นหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ดังกล่าวก็มาจากการรักษามาตรฐานการเล่นได้ดีสม่ำเสมอตลอดทั้งปี ยืนยันได้จากสถิติการจบท็อป 10 มากที่สุดของทัวร์นั่นเอง โดยหากแจกแจงลึกลงไปแล้ว ฤดูกาล 2023 ที่เพิ่งจบไป โปรจีนได้รองแชมป์ 2 รายการ จบอันดับท็อป 5 ถึง 7 รายการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 5 ทัวร์นาเมนต์สุดท้ายของปีที่จบท็อป 5 ไปแล้วถึง 4 รายการ
โปรจีนกล่าวถึงความสำเร็จเหนือความคาดหมายในช่วงปลายปีว่า ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะมีลุ้นรางวัล Vare Trophy ในช่วงท้ายปีด้วย เนื่องจากกลางปีผลงานไม่ค่อยดีเท่าไร โดยเฉพาะการไม่ผ่านตัดตัวรายการเมเจอร์ถึง 2 รายการติดต่อกันคือ KPMG Women’s PGA Championship และ U.S. Women’s Open จนสูญเสียความมั่นใจ
โปรจีนกล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้เวลาอยู่ในสนามจะยิ้มแย้มแจ่มใสเป็นปกติ แต่พอเริ่มฟอร์มไม่ดีช่วงกลางปี รอยยิ้มก็ค่อยๆ หายไป และไม่เป็นตัวเองอย่างที่เคย เป็นเพราะกดดันตัวเองมากเกินไปเนื่องจากเอาไปเปรียบเทียบกับปีที่แล้วซึ่งทำผลงานได้ดีมากๆ จนตั้งเป้าหมายสูงเกินไป ต้องขอบคุณคนรอบตัว ทั้งครอบครัว เพื่อนๆ โค้ช ผู้จัดการ และอีกหลายๆ คน ที่ช่วยผลักดัน ช่วยให้ตนเรียกความมั่นใจ และได้รอยยิ้มกลับคืนมาอีกครั้ง
“สิ่งที่จีนได้เรียนรู้จากการแข่งขันในปีนี้คือการรู้จัก work-life balance (ปรับสมดุลชีวิตและการทำงาน) เมื่อก่อนเวลาเล่นไม่ดี จะรู้สึกแย่มากๆ ไปตลอดวัน ซึ่งไม่ถูกต้อง กอล์ฟเป็นแค่กอล์ฟ เหมือนเวลาคุณทำงาน ถ้าวันไหนเล่นดีก็เป็นเรื่องดี แต่ถ้าวันไหนเล่นแย่ มันก็แค่เป็นอีกวันที่ไม่สมบูรณ์แบบ เป็นวันที่เราต้องเรียนรู้จากความผิดพลาด จีนคิดว่าเราต้องแยกการใช้ชีวิตและการเล่นกอล์ฟออกจากกัน เพราะในท้ายที่สุด ตัวเองก็คือจีโน่ คนธรรมดา ไม่ใช่มือ 1 ของโลก ไม่ใช่นักกอล์ฟ แต่เป็นคนธรรมดาทั่วๆ ไป เวลาอยู่ในสนาม คุณอาจจะตี 10 อันเดอร์ หรือ 10 โอเวอร์ แต่พอออกจากสนามก็จะไม่มีใครรู้ว่าคุณเป็นใครถ้าเขาไม่ได้เล่นกอล์ฟ ไม่มีใครรู้ว่าคุณเล่นได้ดีหรือแย่ขนาดไหน หวังว่าบทเรียนที่ได้เรียนรู้จากปีนี้จะอยู่กับจีนไปตลอดชีวิต”
โปรสาวชาวไทยกล่าวด้วยว่า การที่สามารถพลิกสถานการณ์กลับมาตั้งหลักได้ในช่วงปลายปีเป็นเรื่องสำคัญมากๆ และยืนยันว่าตนกับทีมงานเดินมาถูกทางแล้ว
…บทสรุปที่น่าสนใจนี้ยิ่งชวนให้ติดตามว่าโปรจีนซึ่งได้เรียนรู้ประสบการณ์ทั้งลบและบวกในปีนี้ จะเติบโตในฐานะนักกอล์ฟในทิศทางใดสำหรับ LPGA Tour ฤดูกาลใหม่ที่จะมาถึงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า.
ข้อความข่าว SCG Sports
เครดิตภาพ – LPGA, LET