กีฬากอล์ฟนั้นเคยบรรจุเข้าแข่งขันในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกเกมส์ย้อนไปไกลตั้งแต่ยุคแรกเริ่ม ในการแข่งขันครั้งที่ 2 และ 3 ในปี 1900 และ 1904 หลังจากนั้น กอล์ฟก็ไม่ปรากฏในโปรแกรมแข่งขันของโอลิมปิกเกมส์อีกเลยกระทั่งการแข่งขัน 2 ครั้งหลังสุดในปี 2016 ที่นครริโอเดจาเนโร ประเทศบราซิล และปี 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
ต่อมา ในการโหวตเลือกกีฬาที่จะบรรจุแข่งขันในโอลิมปิกเกมส์ปี 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ของคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) กอล์ฟยังคงได้รับการสนับสนุนให้บรรจุแข่งขันต่อไป
เสน่ห์อย่างหนึ่งที่ทำให้กอล์ฟกลับมาบรรจุแข่งในโอลิมปิกเกมส์และได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีเมื่อเทียบกับกีฬาอาชีพอื่นๆ เพราะการเปิดกว้างให้นักกอล์ฟมือท็อปของโลกเข้าร่วมแข่งขันโดยยึดเอาอันดับโลกเป็นสำคัญ
ตัวนักกอล์ฟเองจากปกติที่เข้าร่วมแข่งขันทัวร์นาเมนต์ต่างๆ เพื่อเกียรติประวัติส่วนบุคคลเป็นหลัก การได้ลงแข่งขันในนามตัวแทนประเทศ ได้ชื่อว่าเป็น “นักกีฬาทีมชาติ” นั่นคือความรู้สึกแปลกใหม่และน่าพึงพอใจอย่างยิ่ง
สำหรับการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ที่มีกีฬากอล์ฟ 4 ครั้งที่ผ่านมา จะทำการชิงชัยครั้งละ 2 เหรียญทอง ในประเภทบุคคลชายและบุคคลหญิง ยกเว้นในปี 1904 ที่เมืองเซนต์หลุยส์ รัฐมิสซูรี่ สหรัฐอเมริกา ซึ่งการแข่งขันประเภทบุคคลหญิงถูกถอดออก แล้วบรรจุประเภททีมชายเข้าไปแทน
จากที่เคยชิงกันมาแล้ว 8 เหรียญทองในโอลิมปิกเกมส์ 4 สมัยนั้น สหรัฐอเมริกาเป็นชาติที่เข้าร่วมมากที่สุด ครบทั้ง 4 ครั้งเพียงชาติ เดียว และกวาดเหรียญทองไป 5 เหรียญ ขณะที่แคนาดา สหราชอาณาจักร และเกาหลีใต้ แบ่งกันไปชาติละ 1 เหรียญทอง
หากนับเฉพาะกอล์ฟบุคคลหญิงซึ่งแข่งกันไป 3 ครั้งนั้น ในครั้งแรกที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เป็นนักกอล์ฟสาวชาวอเมริกัน 3 รายที่กวาดเหรียญรางวัลไม่แบ่งใคร
ส่วนในปี 2016 ที่บราซิล ซึ่งกอล์ฟกลับมาแข่งกันอีกครั้ง เป็นปาร์ก อินบี อดีตมือ 1 โลกของโลกชาวเกาหลีใต้ที่คว้าเหรียญทองไปครอง ส่วนเหรียญเงินและเหรียญทองแดงเป็นของลิเดีย โค จากนิวซีแลนด์ และเฝิง ซ่าน ซ่าน จากจีนตามลำดับ
และล่าสุดโอลิมปิกโตเกียว เป็นเนลลี่ คอร์ด้า โปรสาวชาวอเมริกัน อดีตมือ 1 โลกที่คว้าเหรียญทองไปครอง เหรียญเงิน โมเนะ อินามิ จากญี่ปุ่น และลิเดีย โค กลับมาคว้าเหรียญทองแดงให้นิวซีแลนด์
ในส่วนของทีมชาติไทยนั้น เข้าร่วมแข่งขันกอล์ฟในโอลิมปิกเกมส์ 2 ครั้งหลังสุด โดยในประเภทบุคคลหญิง “โปรเม” เอรียา จุฑานุกาล อดีตมือ 1 ของโลก ได้รับสิทธิเข้าแข่งทั้ง 2 ครั้ง ส่วนอีก 2 คน คือ “โปรแหวน” พรอนงค์ เพชรล้ำ และ “โปรเหมียว” ปภังกร ธวัชธนกิจ
ส่วนประเภทบุคคลชาย มีนักกอล์ฟไทยเข้าร่วม 4 คน จาก 2 ครั้ง คือ “โปรช้าง” ธงชัย ใจดี, “โปรอาร์ม” กิรเดช อภิบาลรัตน์, “โปรแจ๊ส” อติวิชญ์ เจนวัฒนานนท์ และ “โปรกัญจน์” กัญจน์ เจริญกุล
สำหรับการแข่งขัน “ปารีสเกมส์” ในปีหน้า ยังคงยึดรูปแบบการคัดเลือกเหมือนกับ 2 ครั้งที่ผ่านมา คือยึดอันดับโลกเป็นสำคัญ โดยมีโควต้าเข้าแข่งขันเป็นชาย 60 คน และหญิง 60 คน ยึดอันดับโลกประจำวันที่ 17 มิถุนายน 2024 สำหรับนักกอล์ฟชาย และในวันที่ 24 มิถุนายน 2024 สำหรับนักกอล์ฟหญิง นักกอล์ฟที่ติดอันดับท็อป 15 ของโลก จะได้สิทธิเข้าร่วมโดยอัตโนมัติบนเงื่อนไขว่าแต่ละชาติมีนักกีฬาเข้าร่วมได้ไม่เกิน 4 คนส่วนอันดับตั้งแต่อันดับ 16 ของโลกลงมาให้สิทธิเข้าร่วมได้ไม่เกินชาติละ 2 คน
นอกจากนี้ สหพันธ์กอล์ฟนานาชาติ (IGF) ยังระบุด้วยว่า ต้องมีตัวแทนจาก 5 ทวีปอย่างน้อย 1 คนในแต่ละประเภท และเจ้าภาพแต่ละครั้งต้องมีโควต้าการันตีอย่างน้อย 1 คนเช่นกัน
เพื่อกันความสับสน IGF จะจัดทำลิสต์อันดับนักกอล์ฟชายและหญิงที่ได้โควต้าร่วมแข่งขันผ่านทางเว็บไซต์ https://www.igfgolf.org/olympic-games/qualification-system
สำหรับกีฬากอล์ฟในโอลิมปิเกมส์ 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส กำหนดแข่งขันที่สนามเลอ กอล์ฟ เนชั่นแนล ใช้ระบบสโตรกเพลย์ 4 วันเหมือนเดิม โดยประเภทบุคคลชาย แข่งขันระหว่างวันที่ 1-4 สิงหาคม 2024 ส่วนบุคคลหญิงแข่งขันระหว่างวันที่ 7-10 สิงหาคม 2024
จากนี้ไปอีกราวๆ 1 ปี ยังมีเวลาให้ได้ลุ้นกันว่า นักกอล์ฟไทยคนใดจะได้สิทธิเข้าร่วมแข่งขัน ถ้าบรรดาโปรไทยยังรักษาฟอร์มการเล่นได้มาตรฐาน ก็ไม่น่าพลาดตัวแทนเข้าร่วมทั้งชายและหญิงประเภทละ 2 คนเหมือน 2 ครั้งที่ผ่านมา.